วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กรุงเวียนนา ออสเตรีย เมืองคุณภาพดีที่สุดของโลก

 

             กรุงเวียนนา ออสเตรีย เมืองคุณภาพดีที่สุดของโลก

เวียนนา

เวียนนา

เวียนนา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ใคร ๆ ก็อยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อม ๆ กับชมความสวยงามของทัศนียภาพ อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิก สุดแสนโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลก ยิ่งบริษัทเมอร์เซอร์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการ ออกมาการันตีว่า กรุงเวียนนา คว้าแชมป์อันดับหนึ่งเมืองที่มีคุณภาพดีที่สุดของโลก จากทั้งหมด 221 เมือง

          ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวต่างอยากเดินทางมาท่องเที่ยว กรุงเวียนนา นั่งเรือล่องแม่น้ำดานูบ สัมผัสธรรมชาติสองข้างทาง รวมไปถึงนั่งสามล้อทัวร์ทั่วกรุงเวียนนา เพื่อชม พระราชวังเชินบรุนน์ จตุรัสวีรบุรุษเบลวีเดียร์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือไปนั่งชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก ที่สนามเด็กเล่น "แพรเท่อร์" เป็นต้น

          ส่วนเมืองที่มีคุณภาพดีอันดับสองรองลงมา ได้แก่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อับดับสาม เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดา อับดับสี่ และ เมืองโอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ อับดับห้า

          สำหรับภูมิภาคเอเชียนั้น ประเทศสิงคโปร์ ยังคงติดอันดับสูงที่สุด คืออยู่อันดับที่ 28 ในส่วนของประเทศญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ติดอันดับที่ 40 กรุงโบเบ และ โยโกฮาม่า อันดับ 41 เมืองโอซาก้า อันดับ 51 และเมืองนาโกยา อันดับ 57 ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาไม่ค่อยติดอันดับมากนัก โดยมี เมืองดูไบ อยู่ที่อันดับ 75 และเมืองปอร์ต หลุยส์ แห่งสาธารณรัฐเมาริติอัส ติดอันดับ 82

ยอดเขาเอเวอเรสต์






ยอดเขาเอเวอเรสต์ (อังกฤษ: Mount Everest) เป็นยอดเขาหนึ่งในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเกิดจากการชนกันของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียนและแผ่นเปลือกโลกอินเดีย ในทางภูมิรัฐศาสตร์ ยอดเขาเอเวอเรสต์ถือเป็นจุดแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศเนปาลและทิเบต โดยชาวเนปาลเรียกยอดเขาเอเวอเรสต์ว่า สครมาถา (ภาษาสันสกฤต: सगरमाथा หมายถึง หน้าผากแห่งท้องฟ้า) ส่วนชาวทิเบตขนานนามยอดเขาแห่งนี้ว่า โชโมลังมา (จากภาษาจีน: 珠穆朗玛 [จูมู่หลั่งหม่า] หมายถึง มารดาแห่งสวรรค์)
ชื่อยอดเขาเอเวอเรสต์นั้น ตั้งโดย เซอร์แอนดรูว์ วอ นักสำรวจประเทศอินเดียชาวอังกฤษ เพื่อเป็นเกียรติแก่ เซอร์จอร์จ อีฟเรสต์ นักสำรวจประเทศอินเดียรุ่นก่อนหน้า (คำว่า Everest นี้ คนส่วนมากอ่านออกเสียงเป็น เอเวอเรสต์ ขณะที่เซอร์จอร์จอ่านออกเสียงชื่อสกุลของตัวเองว่า อีฟเรสต์) ซึ่งก่อนหน้านั้นนักสำรวจเรียกยอดเขาแห่งนี้เพียงว่า ยอดที่สิบห้า (Peak XV)
คนทั่วไปจดจำชื่อเอเวอเรสต์ได้ในฐานะยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก แต่สำหรับชาวเชอร์ปา(Sherpa) และนักปีนเขา(climber) บางคนแล้ว ยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่จุดที่สูงที่สุดบนพื้นโลกเท่านั้น หากยังเป็นจุดหมายสูงสุดในชีวิตพวกเขาด้วย การไปให้ถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่เมื่อยอดเขาเอเวอเรสต์ถูกพิชิตได้ นั่นหมายความว่าขีด

10 อันดับ สนามบินอันตรายทั่วโลก


          อันดับ 1 เป็นสนามบิน ปาโร ที่ประเทศภูฏาน เนื่องจากหมู่บ้าน ปาโร ถูกโอบล้อมด้วยยอดเขาหิมาลายันที่มีความสูง 5,000 เมตร จึงเป็นเหตุให้สนามบินมีความท้าทาย ในการนำเครื่องลงจอดมากที่สุดในโลก และมีนักบินเพียง 8 คนในโลกเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติในการนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินแห่งนี้ และสนามบินแห่งนี้มีรันเวย์เดียว เปิดบริการตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกเท่านั้น ปัจจุบันมีเพียงสายการบินดรุ๊ค แอร์ ซึ่งเป็นสายการบินท้องถิ่นเพียงแห่งเดียวใช้บริการ



          อันดับ 2 สนามบินนานาชาติ ปริ๊นเซส จูเลียน่า ใน เซนต์มาร์เตน แคริบเบียน สนามบินแห่งนี้มีรันเวย์ยาวเพียง 2,000 เมตร ถึงแม้ว่าเครื่องบินที่เหมาะสมในการนำมาลงจอดที่สนามบินแห่งนี้ คือ เครื่องบินเจ๊ต ขนาดกลาง แต่ก็มีเครื่องบินขนาดใหญ่จากยุโรป เช่น โบอิ้ง 747 และแอร์บัส A340 มาลงจอดสนามบินแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งการนำเครื่องบินขนาดใหญ่มาลงจอด นักบินจะต้องบังคับเครื่องบินให้บินในระดับต่ำอย่างน่าตกใจ เหนือชายหาดมาโฮ แต่ก็ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดภายในสนามบินแห่งนี้แต่อย่างใด


          อันดับ 3 สนามบิน เรแกน ที่กรุงวอชิงตัน ดี. ซี. สหรัฐอเมริกา โดยสนามบินแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่คาบเกี่ยวของเขตห้ามบิน ถึง 2 แห่งด้วยกัน นั่นก็คือ น่านฟ้าเหนือ เพนตากอน และสำนักงานใหญ่ของซีไอเอ ที่ห้ามไม่ให้เครื่องบินใดๆ บินผ่านโดยเด็ดขาด นักบินจึงจำเป็นต้องบินเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่จะวกกลับมาลงจอดในสนามบิน ส่วนการนำเครื่องบิน บินขึ้น ก็ยุ่งยากไม่แพ้กัน เพราะนักบินจำเป็นต้องไต่ระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังต้องเบนเครื่องบินไปทางด้านซ้าย เพื่อไม่ให้เครื่องบิน บินชนทำเนียบขาวอีกด้วย



          อันดับ 4 สนามบิน จิบรอลตาร์ ที่ จิบรอลตาร์ ในยุโรป สนามบินแห่งนี้อยู่ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก และอ่าวแอง เกลา ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตก รันเวย์ของสนามบินแห่งนี้สร้างจากกรวดผสมน้ำมันดิน มีความยาวไม่ถึง 2,000 เมตร นักบินจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งในการลงจอดที่แน่นอน และแม่นยำ และต้องมีความพร้อมที่จะเบรกทันทีที่ล้อแตะรันเวย์ เพราะไม่อย่างนั้นมีหวังได้ลงไปจอดในทะเลแน่ ๆ ที่น่ากลัวอีกอย่างคือรันเวย์แห่งนี้มีถนนตัดผ่าน เวลามีเครื่องบินขึ้น-ลง ที่กั้นถนนก็จะพับลงมากั้นไม่ให้รถผ่าน ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเรา จะคล้ายเวลาวิ่งข้ามทางรถไฟ


          อันดับ 5 รันเวย์จอดเครื่องบิน มาเทคาน ที่ประเทศเลโซโท รันเวย์มีความยาวเพียง 400 เมตร และมีไว้สำหรับการบินบริการทางการแพทย์โดยเฉพาะการนำเครื่องขึ้นที่รันเวย์แห่งนี้นับเป็นประสบการณ์ขนหัวลุกของผู้โดยสาร เพราะเครื่องบินจะหล่นผลุบลงไปที่หน้าผาซึ่งมีความลึก 600 เมตร ก่อนที่จะ เริ่มทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง ซึ่งนักบิน ระบุว่า การนำเครื่องขึ้นวิธีนี้จะปลอดภัยกว่าการบินขึ้นโดยตรงเหนือหน้าผา


          อันดับ 6 สนามบินบาร์รา ประเทศสกอตแลนด์ สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะบาร์รา ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศสกอตแลนด์ ที่นี่นับเป็นหนึ่งในสนามบินเพียง 2 แห่งในโลก ที่ใช้ "ชายหาด" เป็นรันเวย์ อีกแห่งอยู่ที่เกาะเฟรเซอร์ ประเทศออสเตรเลีย และเนื่องจากเวลาน้ำขึ้นรันเวย์ของสนามบินแห่งนี้จะหายไป ดังนั้นตารางบินของสนามบินแห่งนี้จะขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่น้ำขึ้นน้ำลง และถ้ามีเหตุฉุกเฉินให้ต้องนำเครื่องลงจอดในเวลากลางคืน จะใช้วิธีนำรถยนต์มาจอดเรียง และเปิดไฟ เพื่อให้เกิดแสงสะท้อนบริเวณแผ่นโลหะที่ถูกเรียงไว้บริเวณชายหาด เป็นการนำทางให้นักบินสามารถนำเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย ซึ่งชายหาดนี้ไม่ได้มีไว้ให้เครื่องบิน ขึ้น - ลง เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเก็บหอยชื่อดัง โดยนักท่องเที่ยวต้องคอยสังเกตสัญญาณเตือนภัยเอาเอง โดยเมื่อถุงลมลอยขึ้น แสดงว่า ขณะนั้นสนามบินกำลังจะเปิดให้เครื่องบินขึ้น-ลง ซึ่งผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นจะต้องรีบออกจากชายหาดทันที



          อันดับ 7 สนามบินนานาชาติ ตอนคอนติน ในเทกูซิกัลปา ประเทศฮอนดูรัส สนามบินแห่งนี้มีรันเวย์ยาวเพียง 1,863 เมตร นับเป็นหนึ่งในสนามบินนานาชาติที่มีรันเวย์สั้นที่สุดในโลก และยังมีภูเขาล้อมรอบ ในการนำเครื่องบินลงจอดนักบินจะต้องบังคับเครื่องบินให้บินเลี้ยวไปทางด้านซ้าย 45 องศา ก่อนที่เครื่องบินจะแตะพื้นรันเวย์เพียงไม่กี่นาที สนามบินแห่งนี้เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นกับเครื่องบินแอร์บัส A320 ของสายการบินกรูโปทาคา ที่บินมาจากซาน ซัลวาดอร์ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นความผิดพลาดระหว่างการนำเครื่องบินลงจอดของนักบิน พิสูจน์ความน่ากลัวของสนามบินแห่งนี้ได้


          อันดับ 8 สนามบินนานาชาติ จอห์น เอฟ เคเนดี้ ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา สนามบินแห่งนี้ติดโผด้านความน่ากลัวตรงที่นักบินจะต้องคอยระมัดระวังเครื่องบินลำอื่นๆ ที่กำลังบิน ขึ้น - ลง ยังสนามบิน ลา กวาร์เดีย และ สนามบินนิวยอร์ก ที่อยู่ใกล้ๆ กันระหว่างนำเครื่องลงจอด ส่วนปลายด้านหนึ่งของรันเวย์สิ้นสุดลงที่ผืนน้ำของอ่าวจาไมก้า


          อันดับ 9 สนามบินนานาชาติ มาเดรา (ฟันชาล) บนเกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส การเปิดให้บริการช่วงแรกมีรันเวย์ยาวเพียง 1,600 เมตร และยังโอบล้อมด้วยภูเขาสูง และท้องทะเลทำให้การลงจอดเป็นไปได้ยาก มีเพียงนักบินที่มีประสบการณ์สูงเท่านั้นที่จะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินแห่งนี้ได้ แต่หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับสายการบินแท็ป แอร์ปอตุกัล เมื่อปี พ.ศ. 2520 หลังจากนักบินพยายามนำเครื่องลงจอด 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุในความพยายามลงจอดครั้งที่ 3 เนื่องจากรันเวย์สั้นเกินไป สำหรับเครื่องบินโบอิ้ง 727 - 200 ประกอบกับมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงทำให้ทัศนวิสัยไม่ดี เครื่องบินจึงไถลออกนอกรันเวย์ และชนเข้ากับสะพานจนขาด 2 ท่อนทำให้เกิดไฟลุกท่วม เป็นเหตุให้ผู้โดยสารกว่า 100 คนเสียชีวิต

          ต่อมาสนามบินแห่งนี้จึงได้ทุ่มงบประมาณในการขยายรันเวย์ให้มีความยาวมากขึ้นเป็นสองเท่า โดยทำส่วนต่อขยายให้ยื่นออกไปในทะเล โดยมีเสา 180 ต้นรองรับน้ำหนัก แต่นักบินที่จะนำเครื่องบินลงจอดบนสนามบินแห่งนี้ จำเป็นต้องได้รับการเทรนนิ่งเป็นพิเศษ เพราะการลงจอดที่สนามบินแห่งนี้ จะต้องหันหัวเครื่องบินไปที่ภูเขา และเอียงเครื่องบินไปทางด้านขวาในนาทีสุดท้าย เพื่อจะตั้งลำให้อยู่ในแนวเดียวกับรันเวย์ที่จะปรากฏให้เห็นตรงหน้าชนิดที่เรียกว่า แทบไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว


          อันดับ 10 สนามบิน ฮวนโช อี. ยาสควิน บนเกาะ ซาบา ในอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยเกิดโศกนาฏกรรมร้ายแรงที่สนามบินบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ แต่ที่ขึ้นชื่อเรื่องน่ากลัว เพราะนักบินจะต้องรับมือกับลมกระโชกแรง ในขณะเตรียมแลนดิ้งลงบนรันเวย์ ที่มีความยาวเพียง 400 เมตรเท่านั้น อีกจุดที่ถือว่าอันตรายสุดๆ คือ ตำแหน่งของรันเวย์ที่ด้านหนึ่งเป็นภูเขาสูง ส่วนอีกด้านเป็นหน้าผา ปลายสุดของรันเวย์ทั้ง 2 ข้าง เป็นหน้าผา ซึ่งถ้ามีอะไรผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นตอนขึ้นหรือตอนลงก็จะตกลง ไปในทะเลทันที ปัจจุบันนี้มีเพียงสายการบิน วินด์วาร์ด ไอส์แลนด์ส ซึ่งเป็นสายการบินท้องถิ่นเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่เปิดบินบริการวันละ 1 เที่ยวบนสนามบินแห่งนี้

          การเกิดอุบัติเหตุนั้น มักเกิดขึ้นได้กับทุกสนามบินไม่ว่า ดีที่สุด หรือน่ากลัวที่สุดก็ตาม เพราะฉะนั้นทุกคนควรตั้งสติให้ดี ในขณะที่แอร์ สจ๊วตแนะนำการใช้อุปกรณ์การช่วยเหลือตัวเองในยามเกิดเหตุ แต่ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ สิ่งเดียวที่ทำได้ในตอนนั้นคือ การตั้งสติ สวดมนต์ภาวนา สถานเดียว

10อันดับเรือรบที่ดีที่สุดในโลก

10. Hood Class - Battle Cruiser; Great Britain
Image
ระวางขับน้ำ 42500 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก
เรือที่เป็นที่ความภาคภูมิใจของกองทัพเรืออังกฤษมันสร้างความกลัวให้แก่ข้าศึกในปี 1930-1940 แต่พอสงครามโลกครั้งที่ 2 ระเบิดขึ้นมันได้ลง
สู่สนามรบครั้งแรกกับเรือ BISMARCK ของนาซีจากการยิงจากBISMARCK เพียง 5 ตับก็ทำให้เรือ HOOD จมลงในเวลาประมาณ 8 นาที


9. DEUTSCHLAND CLASS - POCKET Battleship
Image
ระวางขับน้ำ 16200 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 11 นิ้ว 6 กระบอก
เมื่อเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ฝ่ายเยอรมันถูกจำกัดไม่ให้สร้างเรือรบที่มีระวางขับน้ำไม่เกิน 10000 ตันแต่ฝ่ายเยอรมันกลับสร้างเรือ
ชิ้นนี้ขึ้นซึ่งเรือลำนี้วางกระดูกงูก่อนฮิตเลอร์ขึ้นอำนาจซะอีกโดยต่อ ขึ้นมา 3 ลำคือ1.Deutschland 2. Admiral Scheer 3. Admiral Graf Spee
เรือชั้นนี้มีขนาดเล็กมีความเร็วสูงและมีปืนที่ดีเรือถูกเรียกว่า PANZER SHIP


8. ESSEX CLASS - AIRCRAFT CARRIER
Image
ระวางขับน้ำ 34480 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 12 กระบอก AA-GUN 20 mm.และ 40 mm. ประมาณ 68 กระบอก
เครื่องบิน 100 เครื่อง(F4U CORSAIR)เรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐที่ใช้ถล่มเกาะต่างที่ญี่ปุนยึดเป็นฐานบินลอยน้ำที่มีความสำคัญ
ต่อกองทัพเรือมากจึงเป็นเป้าของเครื่องบินกามิกกาเซ่


7. BISMARCK CLASS - BATTLESHIP
Image
ระวางขับน้ำ 50153 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก
สุดยอดเรือรบของนาซีเป็นเรือที่ฮิตเลอร์ชอบมากโดยเรือชั้นนี้ต่อมา 2 ลำคือ1.BISMARCK 2. TIRPITZ มันได้ชื่อเสียงจากการที่ BISMARCK
จมเรือ HOOD ของอังกฤษแต่พอข่าวการจมเรือ HOOD ไปถึงกองทัพเรืออังกฤษทำให้อังกฤษส่งกองเรือออกตามล่าและในอีก 3 วันเรือ
BISMARCK ก็ถูกกองเรืออังกฤษรุมยำและจมลงเมือ BISMARCK จม อังกฤษก็หันไปล่าเรือTIRPITZ และมันก็ถูกจมหลังจากที่ไปแอบอยู่แถวๆนอร์เวย์


6. NORTH CAROLINA CLASS BATTLESHIP
Image
ระวางขับน้ำ 44800 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 16 นิ้ว 9 กระบอก
เรือรบที่ทำหน้าที่คุ้มกันกองเรือของสหรัฐในแปซิฟิกมีขนาดใหญ่และมีปืนที่มีอำนาจทำลายสูง


5. Fletcher Class - Destroyer; United States
Image
ระวางขับน้ำ 2900 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 5 กระบอก
เรือประจัญบานขนาดเล็กของกองทัพเรือสหรัฐหน้าที่คือการคุ้มกันเรือสินค้า มันมีขนาดเล็กและความเร็วสูงและยังติดตั้งระเบิดน้ำลึกที่ใช้
ทำลายเรือดำน้ำด้วย


4. TICONDEROGA CLASS - MISSLE CRUISER
Image
ระวางขับน้ำ 9646 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 5 นิ้ว 2 กระบอก
แท่นปล่อยจรวดแบบ MK 41 2แท่น เรือลาดตระเวนของกองทัพเรือสหรัฐมีหน้าที่หลักๆคือการป้องกันภัยทางอากาศและต่อต้านเรือทั้งผิวน้ำ
และดำน้ำมีจรวดแบบ STANDARD SM 2 ตอร์ปิโดMK 32 จรวดHARPOON และสามารถสนับสนุนหน่วยทหารได้ด้วยจรวดTOMAHAWK MISSLE


3. QUEEN ELIZABETH CLASS - BATTLESHIP
Image
ระวางขับน้ำ 36450 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 15 นิ้ว 8 กระบอก
เรือที่ฝ่ายอังกฤษสร้างขึ้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 มันมีขนาดใหญ่มากและทำให้ข้าศึกไม่กล้าออกมาสู้ด้วยและได้ปรับปรุงและใช้
ในสงครามโลกครั้งที่2ด้วย

2. NIMITZ CLASS - AIRCRAFT CARRIER Image
ระวางขับน้ำ 97000-100000 ตัน
อาวุธ เครื่องบิน 85 เครื่อง (F-14D,F-18C,EA-6,EC-2,S-3B,SH-60,C-2A)เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดยักษ์มันมีเครื่องบินถึง 85 ลำและมันไป
ถึงทุกที่ในโลกได้ด้วยเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 เตาและมีอาวุธป้องกันตัวคืออาวุธนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ SEA SPARROW 3แท่นๆละ 8 ท่อ
ยิง ระบบปืน VALCAN PHALANXขนาด 20 mm. 4 แท่น (นี่ก็ของปัจจุบัน)


1. Iowa Class - Fast Battleship
Image
ระวางขับน้ำ 57450 ตัน อาวุธ ปืนหลัก 16 นิ้ว 9 กระบอก
สุดยอดเรือรบของสหรัฐมีขนาดใหญ่มากๆเรือชั้นนี้ถูกสร้างมา6ลำ
1. USS Iowa 2. USS New Jersey 3. USS Missouri
4. USS Wisconsin 5. USS Illinois 6. USS Kentucky
เป็นเรือที่อายุการใช้งานยาวนานมากที่สุดในโลกคือสงครามโลกครั้งที่2ไปจนถึงสงครามอ่าวปี 1991 โดยทำการติดตั้งแท่นปล่อยจรวด TOMAHAWK MISSLE

10 อันดับ เรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก

            
10. Celebrity Xpedition

Celebrity Xpedition

     หนัก 2,392 ตัน จุ 92 คน ล่องไปยังเกาะ Galapagos (กาลาปากอส) ลำเล็กที่สุดในบรรดา 10 อันดับสุดยอดเรือสำราญระดับโลก หากแต่เจ้าลำนี้กลับเพรียบพร้อมไปด้วย การบริการที่ดีเยี่ยมพร้อมๆกับการผจญภัยในป่าที่แสนสนุก บนเรือประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่และผู้เชียวชาญที่คอยอธิบายถึงธรรมชาติรอบๆ เกาะ สัตว์ป่า ดูนก ภูเขาไฟ มีสอนการดำน้ำและอีกหลายๆ



9.Seven Seas Voyagers

Seven Seas Voyagers

     หนัก 41,827 ตัน จุ 752 คน จุดเด่นของเรือสำราญลำนี้คือ ทุกๆห้องเป็นห้องสูทและสามารถมองเห็นวิวได้จากห้องทุกห้อง ซึ่งเรียกว่าแทบไม่มีเรือสำราญของบริษัทใดๆกล้าที่จะทำแบบนี้ ยังมีหมัดเด็ดที่ว่าร้านๆหนึ่งบนเรือนี้พ่อครัวต้องเป็น Chef จากสำนัก Cordon Bleu ทุกคน



8. Crystal Symphony

Crystal Symphony

     หนัก 51,044 ตัน จุ 844 คน เรือลำนี้มีความพิเศษอยู่ที่การบริการในระดับดีเยี่ยม เรียกว่าถ้าแขกขอมา ไม่มีการปฏิเสธ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอิตาเลียนและร้านอาหารจีนชื่อดังอยู่บนเรือ



7. Ocean Village

Ocean Village

     หนัก 63,542 ตัน จุ 1,624 คน ล่องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฤดูร้อนและคาร์ริเบียนในฤดูหนาว เรือสำราญลำนี้ชนะใจหนุ่มสาว หรือยจะเป็น young @heart ด้วยความที่เป็นเรือสำราญที่มีกิจกรรมให้ทำมากมากแล้วยังสนนราคาไม่แพงอีก ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยานเสือภูเขา พายเรือ Kayak ไนท์คลับ บาร์ เรียกว่าคุ้มราคาสำหรับบริการระดับ 4 ดาวครับ



6. QE2

QE2

     หนัก 70,327 ตัน จุ 1,728 คน ถ้าพูดถึงเรือสำราญแล้ว ลำที่เด่นดังที่สุดและเรียกว่าเป็นการสร้างคำจำกัดความทุกๆอย่างของการเดิน เรือลำราญคงหนีไม่พ้น ควีนอลิซาเบธ 2 หรือ QE2 ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรือสำราญรุ่นแม่สำหรับท้องทะเลแล้วก็ตาม QE2 ก็ยังเดินทางไปรอบโลกและอวดเสน่ห์ของมันครับ



5. Superstar Virgo

Superstar Virgo
 
     หนัก 75,338 ตัน จุ 1,974 คน น่าจะคุ้นหูคนไทยมากที่สุดแล้วเนื่องจากเจ้าลำนี้โต๊เต๊อยู่แถบเอเชียนี่เอง ความน่ารักของมันก็คือ เรือสำราญลำนี้ตกแต่งประดับประดาด้วยสไตล์เอเชีย รวมทั้งมีร้านอาหารของประเทศในแถบเอเชียอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย



4.Voyager of the Seas

Voyager of the Seas
 
     หนัก 137,250 ตัน จุ 3,114 คน ท่องเที่ยวแถบคาริเบียน แคนาดา นิวอิงแลนด์ ดูจากน้ำหนักแล้วน่าจะเดาได้ครับว่าคงใหญ่มากๆ ใช่แล้วครับเปิดตัวเมื่อปี 1999 ในฐานะเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่าแทบจะเอาเมืองทั้งเมืองไปตั้งอยู่ในเรือได้เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นลานสเก็ตน้ำแข็ง กำแพงปีนเขา สนามโรลเลอร์เบลด และอีกหลายๆอย่าง ดูๆไปเรือลำนี้ก็เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนแบบครอบครัวน่ะเนี่ย



3. SeaDream II 

SeaDream II
     
     หนัก 4,333 ตัน จุ 108 คน ล่องในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คาริเบียน เจ้าเรือลำนี้บอกกับทุกคนว่า "It's yachting, not cruising" เป็นความพยายามในการฉีกแนวการล่องเรือสำราญให้ต่างจากลำอื่นๆ ประมาณว่ามากับเรือลำนี้ เหมือนกับเดินทางด้วยเรือยอช์ทส่วนตัว อืม เข้าท่าจริงๆด้วยแฮะ


2.Silver Wind

Silver Wind

     หนัก 16,927 ตัน จุ 296 คน แม้จะไม่ใช่ลำใหญ่สุดในตระตัวฉันล Silverseas Cruises แต่ว่าเจ้า Silver wind ก็สร้างความอลังการ หรูหราได้ไม่แพ้พี่น้องของมันเลย ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งสไตล์เมดเตอร์เรเนียน หรือว่าเครื่องสุขภัณฑ์ของ Bvlgari ในห้องสวีททุกห้อง และเส้นทางการเดินเรือในอเมริกาใต้ที่เรือสำราญขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าไปถึง



1. Arcadia

Arcadia

     หนัก 82,505 ตัน จุ 1996 คน ลำนี้ล่องไปรอบโลกค่ะ เป็นบริษัทเรือสำราญน้องใหม่มาแรงของวงการ ความพิเศษอยู่ที่บนเรือมีบาร์ทั้งหมด 14 บาร์และร้านอาหารของทีวีเชฟชื่อดัง Gary Rhodes (บอกแล้วว่า เรือสำราญเดี๋ยวนี้ไม่ใชเฉพาะของคนแก่แล้ว) และที่สำคัญสุดๆก็คือ โปรแกรม New Horizons Activities ที่ให้คุณสามารถเรียนการรำ Tai Chi, ออกแบบภายใน, การสอนทำอาหาร และอีกหลายๆโปรแกรม บอกแล้วว่าเริ่ดมากๆ

10อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก

10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 1 Iguazu Falls
อันดับ 1 Iguazu Falls
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 2 Niagara falls
อันดับ 2 Niagara falls
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 4 Dettifoss
อันดับ 4 Dettifoss
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 5 Jog falls
อันดับ 5 Jog falls
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 6 Shoshone falls
อันดับ 6 Shoshone falls
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 7 Gullfoss
อันดับ 7 Gullfoss
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก : อันดับ 8 Yosemite falls
อันดับ 8 Yosemite falls
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก :
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก :
10 อันดับน้ำตกที่สวยที่สุดในโลก :

10อันดับนักฟุตบอลที่หล่อที่สุด

เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ
อันดับที่ 1 เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ นักเตะมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีวัย 24 ปี ที่กำลังเป็นความหวังใหม่ของทีมในศึกลูกหนัง 2010 นี้
คาร์ลอส โบคาเนกรา
อันดับที่ 2 คาร์ลอส โบคาเนกรา กองหลังกัปตันทีมชาติสหรัฐอเมริกาวัย 31 ปี ที่โด่งดังเป็นพลุแตกในขณะนี้ เพราะไม่ใช่แค่จะเป็นนักเตะทีมชาติแล้ว คาร์ลอสยังเป็นนายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังของอเมริกาอีกด้วย
วาลอน เบห์รามี
อันดับที่ 3 วาลอน เบห์รามี ปีกทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์วัย 25 ปี หนุ่มผู้มีรอยสักแสนเสน่ห์ ขวัญใจสาวพังค์ทั้งหลาย
คริสเตียโน โรนัลโดอันดับที่ 4 คริสเตียโน โรนัลโด ปีกกัปตันทีมชาติโปรตุเกสวัย 25 ปี ที่ติดอันดับกับเค้าด้วยหน้าตาที่แสนจะหล่อเหลา และรูปร่างที่หล่อล่ำอย่าบอกใคร มีดีกรีเป็นถึงนายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังอีกคน
เธียร์รี อองรีอันดับที่ 5 เธียร์รี อองรี นักเตะผิวสี กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสวัย 32 ปี ที่มีเสน่ห์ต่อสาว ๆ เอามาก ๆ โดยเฉพาะสาวผิวขาว เรียกว่าหนุ่มคนนี้ครองอันดับหนึ่งเลยทีเดียว
ลูคัส นีลล์
อันดับที่ 6 ลูคัส นีลล์ กองหลังกัปตันทีมชาติออสเตรเลียวัย 32 ปี อีกหนึ่งสุดยอดนักเตะที่มีดีกรีเป็นนายแบบชื่อดังที่มีรายได้สูงที่สุดในเม ลเบิร์น
อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน
อันดับที่ 7 อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน ดาวยิงวัย 27 ปี กองหน้าจากฟิออเรนตินา ที่เรียกคะแนนจากสาว ๆ ได้ไม่น้อย
มาร์เทน สเทเคเลนเบิร์ก
อันดับที่ 8  มาร์เทน สเทเคเลนเบิร์ก ผู้รักษาประตูทีมชาติฮอลแลนด์วัย 27 ปี มีดีกรีเป็นพรีเซ็นเตอร์อันดับ 1 ของแถบสแกนดิเนเวียเลยทีเดียว
กาก้า
อันดับที่ 9 กาก้า นัก เตะดาวรุ่งเจ้าของลีลาการเตะขั้นเทพวัย 28 ปี ที่ตอนนี้กุมหัวใจสาว ๆ จากทั่วโลกไว้แล้ว และที่แน่ ๆ เวลานี้ ไม่มีสาวคนไหน ไม่รู้จักเขาเลย
บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
อันดับที่ 10 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ นักเตะดาวรุ่งวัย 25 ปี ที่หล่อโดนใจสาว ๆ ไม่น้อยกว่านักเตะคนอื่น ๆ แถมยังเป็นที่จับตามองในศึกลูกหนังครั้งนี้อย่างมากมายเลยทีเดียว